ไม่จำเป็นครับ
การจัดฟัน อาจถือเป็นหนึ่งในวิธี การมาตรฐานของการปิดช่องว่าง ซึ่งได้ผลดี สวยงาม และมีความคงอยู่สูงที่สุด แต่อาจมีค่าใช้จ่ายและใช้เวลาสูงที่สุดด้วยเช่นกัน
ในขณะที่เรายังมีอีกหลายวิธี ในการปิดช่องว่าง คือ
การอุดปิดช่องว่าง ถือเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด ได้ความสวยงามระดับหนึ่ง (ยิ่งได้พบกับหมอที่มีความเชี่ยวชาญ ฝีมือดีๆ และถนัดในการทำงานนี้ งานจะดีมากๆ) แต่ก็พบข้อเสีย ข้อพึงระวังหลายอย่าง เช่น
1. ฟันอาจต้องดูใหญ่ขึ้นกว่าฟันปกติ
2. วัสดุอุด ปกติจะมีอายุการใช้งาน 4-8 ปี อาจมีสีหมองดูแตกต่าง มีรอยดำตามขอบ และอาจชำรุดได้เมื่อเวลาผ่านไป
3. อาจต้องระวังการบดเคี้ยว ซึ่งส่งผลต่อการบิ่นแตกหักของวั สดุได้
4. ต้องระวัง รอยวัสดุอุดบริเวณขอบบริเวณเหงือกให้ดี ซึ่งการอุดฟันปิดช่องว่าง บ่อยครั้ง ทำให้เกิดการสะสมเศษอาหาร และเชื้อโรคตามขอบ ทำให้เกิด เหงือกอักเสบ หรือฟันผุตามขอบใกล้เหงือกได้ ต้องเข้าใจและเน้ นการทำความสะอาดมาก
การปิดช่องโดยการใช้ วีเนียร์ ก็สามารถทำได้และมักจะสวยกว่า การอุดฟันทั่วไป อาจมีข้อเสียที่มีคล้ายการอุดฟั น “เพียงมีน้อยกว่า” และข้อเสียที่สำคัญที่สุดคือ เสียเนื้อฟัน เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการอุดฟันทั่วไป
การทำครอบฟัน ก็สามารถปิดช่องได้ แต่มักจะไม่ได้ใช้เป็นทางเลือกแรกๆ (หากพบกรณีที่มีฟันผุฟันหน้าเยอะมากๆ ก็อาจเป็นทางเลือกได้)
การใส่ฟันปลอม มาเสียบปิดช่อง เป็นวิธีที่ไม่ควรมีการแนะนำอีกต่อไป มีผลเสียมากที่สุด ได้แค่ปิดช่อง แต่ไม่ได้ทั้งความสวยงาม การใช้งานและการคงอยู่
กล่าวคือ ฟันหน้าห่าง สามารถทำการรักษาได้หลายวิธี วิธีที่ดีที่สุดก็เป็นการเข้ามาตรวจ และแจ้งข้อจำกัดของคนไข้ให้ทั นตแพทย์ฟังอย่างตรงไปตรงมา ทันตแพทย์จะสามารถให้ทางเลือก เป็นรายๆไป ประกอบการตัดสินใจ
ตั้งแต่เด็กมีฟันขึ้น ก็สามารถมาเคลือบฟลูออไรด์ได้แล้วครับ โดยฟลูออไรด์ที่ใช้ในช่วงเริ่มต้นจะเป็นชนิดเหนียวข้นติดฟันแน่น เรียกว่า ฟลูออไรด์วานิช ออกสีน้ำตาลเข้มหน่อย ส่วนการใช้ถาดใส่ฟลูออไรด์เจลอาจเริ่มประมาณ 1 ขวบครึ่งขึ้นไปครับ
ทั้งนี้ทันตแพทย์อาจพิจารณาจากความร่วมมือ การควบคุมการกลืน ความเข้าใจของผู้ปกครองและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุของเด็ก มาประกอบการตัดสินใจด้วย
ยืนยันครับ ฟลูออไรด์ยังเป็นสารที่ป้องกันการเกิดโรคฟันผุดีที่สุดในปัจจุบัน นอกจากการเคลือบหรือทาที่คลินิกแล้ว ผู้ปกครองยังสามารถใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์กับบุตรหลานของท่านให้สม่ำเสมอที่สุดได้
จัดได้ครับ
1. ในบางกรณี อาจเป็นช่องที่สามารถปิดช่องไม่ต้องใส่ฟันปลอมอีกต่อไป (ถ้าเป็นกรณีที่ต้องถอนฟันอยู่แล้ว)
2. ในกรณีใช้ฟันปลอมถอดได้บางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณฟันหน้าอาจมีการคาเฉพาะฟั นปลอม(ไม่มีเพดาน)บนลวดดัดฟันและฟันข้างเคียง ทำให้ไม่เห็นมีฟันหลอตลอดการจัดฟันได้ ช่วยการเข้าสังคมโดยยังมีรอยยิ้มที่มั่นใจได้เหมือนเดิม
3. กรณีเป็นฟันปลอมติดแน่นแบบสะพานฟัน ก็สามารถติดเครื่องมือได้และอาจสามารถคงฟันปลอมหรืออาจมีการตัดลดขนาดช่องฟันปลอม เหลือเป็นแค่ครอบฟันก็ได้เป็นกรณีๆไป
ทันตแพทย์ที่ให้การจัดฟัน สามารถใช้ดุลยพินิจ เพื่อพิจารณาหาช่องทางที่เหมาะสมให้คนไข้มีรอยยิ้มที่สวยงาม ได้ตลอดการจัดฟัน โดยไม่ต้องฟันหลอได้ ขอให้มาตรวจพิจารณา รับคำปรึกษา เป็นรายๆไป
ถ้าเป็นการจัดฟันแบบปกติ (มีปัญหาเฉพาะฟัน ฟันเก ฟันยื่น ฟันห่าง)
- ควรเริ่มเมื่ออายุ ประมาณ 12-13 ขวบ หรือ
- ฟันน้ำนมซี่สุดท้ายหลุดไปแล้ว หรือ
- x-ray ดู พบว่า รากฟันบริเวณฟันกรามน้อยสร้างตั ว เกิน 3 ใน 4
- ดูตามความร่วมมือ ในการรักษาความสะอาด และอื่นๆตามดุลยพินิจของทั นตแพทย์ผู้ให้การรักษา
ถ้าเป็นเรื่องการจัดฟันที่เกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขโครงสร้างใบหน้า เช่น กระดูกบนยื่น ยิ้มเห็นเหงือก(ออกแนวแก้วหน้ าม้า) ฟันล่างคล่อมฟันบน อาจพิจารณาจัดเร็วกว่านั้น (ประมาณ 9 ขวบหรือเร็วกว่านั้น ควรมาพบทันตแพทย์แล้ว)
โปรดพาเด็กมาพบทันตแพทย์ตั้งแต่ เห็นความผิดปกติ จะส่งผลให้มีการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาแม่นยำขึ้น นอกจากนี้ ยิ่งวางแผนการรักษาและเข้าสู่ การรักษาได้ในเวลาที่เหมาะสม ยิ่งส่งผลดีต่อการรักษา ทำให้สวยงาม คงอยู่ได้ดี และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก